สำหรับใครที่ชอบขบเขี้ยวอาหารว่างขณะกำลังเพลิดเพลินดูรายการทีวีต่างๆ อยากจะแนะนำให้ลองเปลี่ยนประเภทอาหารขบเคี้ยวที่เคยกินอย่างเช่น ป๊อปคอร์น มันฝรั่ง หรือขนมแบบซองต่างๆ ให้ลองเปลี่ยนมากินเมล็ดทานตะวันแทน ใครที่บอกว่าไม่อยากแกะเปลือกตอนนี้เมล็ดทานตะวันแบบแกะเปลือกสำเร็จมีขายกันเต็มไปหมด
https://images.hive.blog/DQmTSH2oGKE4o89LMDimzxYiiXFGaUr6KKDmg2yeTwjqJpj/Sunflower%20seed.jpeg
เมล็ดทานตะวัน เป็นอีกหนึ่งธัญพืชเพื่อสุขภาพ มีรสชาติกลมกล่อมชวนให้เคี้ยวเพลิน อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่นานาชนิด ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ รวมไปถึงโรคหัวใจและเบาหวานและถึงจะมีประโยชน์แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเมล็ดทานตะวัน สำหรับเมล็ดทานตะวันปริมาณ 30 กรัมหรือ 1 ใน 4 ถ้วยตวง จะให้พลังงาน 163 แคลลอรี่ ไขมัน 14 กรัม โปรตีน 5.5 กรัม คาร์โบไฮเดรต 6.5 กรัม ไฟเบอร์ 3 กรัม วิตามินอี 37 เปอร์เซ็นต์ วิตามินบี 3 10 เปอร์เซ็นต์ วิตามินบี 5 20 เปอร์เซ็นต์ วิตามินบี 6 11 เปอร์เซ็นต์ สังกะสี 10 เปอร์เซ็นต์ แมงกานีส 30 เปอร์เซ็นต์ ซีลีเนียม 32 เปอร์เซ็นต์ ทองแดง 26 เปอร์เซ็นต์ เหล็ก 6 เปอร์เซ็นต์ แมกนีเซียม 9 เปอร์เซ็นต์ โฟเลต 17 เปอร์เซ็นต์ จากสัดส่วนปริมาณของสารอาหารในแต่ละชนิดที่ควรได้รับในแต่ละวัน
สำหรับประโยชน์ต่อสุขภาพที่โดดเด่นของเมล็ดทานตะวันก็คือ บำรุงหัวใจมีแมกนีเซียมช่วยลดระดับความดันโลหิต มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยขยายหลอดเลือด เมล็ดทานตะวันช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน ลดการอักเสบเพราะเมล็ดทานตะวันมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายลดการอักเสบเรื้อรัง น้ำมันที่สกัดได้จากเมล็ดทานตะวันนำมาใช้ในการรักษาโรคและอาการต่างๆ เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาขับเสมหะ หรือใช้ทาเพื่อรักษาโรคผิวหนัง และน้อยคนที่จะรู้ว่าเมล็ดทานตะวันสามารถช่วยรักษาโรคบิด ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ท้องเสียรุนแรง และลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่
ถึงแม้เมล็ดทานตะวันจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ หากรับประทานมากเกินปริมาณที่เหมาะสมก็มีผลเสียต่อร่างกายเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสารแคดเมียมที่เป็นโลหะชนิดหนักที่มีอยู่ในเมล็ดทานตะวันอาจจะเป็นอันตรายต่อไตของคุณ
Originally posted here: https://hive.blog/ocd/@andyjim/healthy-benefits-of-sunflower-seed
No comments:
Post a Comment