เคยพูดเรื่องของการสูบบุหรี่ไปนานมากแล้ว วันนี้อยากจะขอพูดอีกเพราะแอบเห็นน้องหลายคนที่รู้จัก เริ่มหันมาสูบบุหรี่กัน หลายคนให้เหตุผลว่าเป็นการแก้เครียด ก็ต้องขอแชร์ประสบการณ์ในฐานะคนที่สูบบุหรี่มาเกิน 20 ปีว่า บุหรี่ไม่ได้ทำให้คุณหายเครียด แต่คุณจะเกิดความเครียดสะสมในหลายๆ เรื่อง วันที่อายุยังน้อยสูบบุหรี่จะน้อยหรือมาก ร่างกายยังแข็งแรงต่อสู้กับควันบุหรี่ไหว แต่วันนี้ที่ร่างกายคุณย่ำแย่อ่อนแอรับรองว่าโรคร้ายต่างๆ จ้องจะทำร้ายคุณอยู่ตลอดเวลา
สำหรับใครที่ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือไม่มีเงินเก็บ ก็อยากจะบอกว่าบุหรี่ทำให้คุณจนลงทุกวัน ลองคิดดูว่าเงินค่าบุหรี่ซองแบบถูกๆ ซองละ 60 บาท สูบทุกวันเดือนละ 1800 บาท ปีละ 21,600 บาท ถ้าเอาเงินที่ซื้อบุหรี่สูบเปลี่ยนมาเป็นเงินออม ออมไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เกิดเหตุการณ์โรคระบาดเหมือนทุกวันนี้ ก็จะได้เอาเงินเก็บเหล่านั้นมาไว้ใช้ ไม่ต้องรอลุ้นเงินจากลุงตู่ ถ้าได้ก็ดีไปไม่ได้เราก็มีเงินออมฉุกเฉินของเราเอง และแน่นอนบุหรี่ทำให้คุณหมดโดยสิ้นเปลืองแล้ว สุขภาพยังย่ำแย่อีกด้วย
ส่วนใครยังเลิกบุหรี่ไม่ได้ ก็อาจจะเริ่มจากการที่ลดปริมาณการสูบลงเรื่อยๆ จนหยุดสูบบุหรี่ได้ในที่สุด รับรองได้ว่าตั้งแต่วันที่คุณเลิกสูบบุหรี่ได้ตั้งแต่ชั่วโมงแรกสุขภาพกาย สุขภาพใจและผิวพรรณสดใสขึ้นอย่างแน่นอน และอยากจะบอกว่าผลที่ได้ตามมาในเรื่องของสุขภาพจากการเลิกสูบบุหรามีดังนี้
1) คุณจะแก่ช้าลง เพราะอิลาสตินและคอลลาเจนในผิวไม่ถูกทำลายจากควันบุหรี่
2) ผิวแห้งกร้านจะกลับมาชุ่มชื้น
3) ริมปากไม่ดำคล้ำ
4) สุขภาพปากและฟันจะดีขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นปาก คราบหินปูนจากบุหรี่และอาการเหงือกร่น จนทำให้ฟันโยกคลอนและสุดท้ายต้องถอนฟันทิ้งแม้ฟันจะไม่ผุ
5) ระบบไหลเวียนโลหิตจะดีขึ้น
6) ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอด
7) อวัยวะต่างๆในร่างกายจะกลับมาทำงานได้ดีกว่าเดิม
8) ดวงตาจะสดใสไม่โทรม
9) ผิวพรรณจะดูสดใส
10) สุขภาพองค์รวมจะดีขึ้นจากภายในสูภายนอก
สำหรับคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่จะไม่รู้หรอกว่า พอติดบุหรี่แล้วจะเลิกนั้นลำบากมากๆ ไม่ใครสามารถจะช่วยคุณได้ นอกจากตัวคุณจะพยายาม หากได้กำลังใจจากคนรอบข้างก็จะดีมาก แต่ถ้าไม่ดีก็ไม่เป็นไร เพราะการเลิกบุหรี่ ผู้ที่ได้ประโยชน์คือคนคุณเดียว เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังคิดจะเลิก หรือพยายามเลิกบุหรี่อยู่ครับ
Originally posted here: https://hive.blog/ocd/@andyjim/stop-smoking-for-a-healthy-life
No comments:
Post a Comment